Breaking News

รายรับเสียวหมี่ ไตรมาส 1 ปี 2563 ทะยานขึ้น 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

โดยเติบโตทั้งรายได้และกำไรสูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่ แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรค 
ยอดขายผลิตภัณฑ์หลักฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และกลับสู่ระดับเดิมก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดทั่วโลก


กรุงเทพฯ, 25 พฤษภาคม 2563
— เสียวหมี่ คอร์ปอเรชัน (Xiaomi; Stock Code: 1810) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตที่ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไม่สอบทานจากไตรมาส สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 พร้อมเดินหน้าสานต่อตำนาน กับ 3 สุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Redmi Note 9 Pro และ Redmi Note 9 ร่วมด้วย Mi Note 10 Lite ลุยทำตลาดไทยในไตรมาส 2 ปีนี้

ในไตรมาสแรกของปี 2563 เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยมีรายรับรวมอยู่ที่ 49.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เมื่อเทียบปีต่อปี และมีกำไรสุทธิหลังการปรับปรุง 2.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

จากข้อมูลของ Canalys ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาด เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการฝ่าฟันอุปสรรคจากการชะลอตัวของตลาดและสามารถมีการเติบโตของยอดการจัดส่งเมื่อเทียบปีต่อปีสูงสุดในบรรดาบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำในอันดับ 5 ของโลก ในขณะเดียวกันอัตราการเข้าถึง 5G ของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในประเทศจีนอยู่ที่ระดับ 25.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟน 5G และการใช้กลยุทธ์ Dual-Engine “สมาร์ทโฟน + AIoT” ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ข้อมูลสำคัญทางการเงิน ไตรมาสที่ 1 ปี 2563


  • รายรับรวมอยู่ที่ประมาณ 49.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • กำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 7.56 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 44.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
  • กำไรสุทธิที่ยังไม่ได้ปรับปรุงตาม IFRS อยู่ที่ 2.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ 1.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.4 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า “แม้ว่าอุตสาหกรรมจะกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรง แต่กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ยังคงมีการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ท่ามกลางภาวะตลาดที่ตกต่ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่น การปรับตัว และขีดความสามารถในการแข่งขันของรูปแบบธุรกิจของเสียวหมี่ ในไตรมาสแรกของปี 2563 เรายังถูกจัดให้อยู่ใน 'Forbes' Global 2000' อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นที่ยอมรับของเสียวหมี่ในตลาดทุนต่างประเทศ เราเชื่อว่าวิกฤตถือเป็นบททดสอบที่ดีที่สุดถึงมูลค่าของบริษัท รูปแบบธุรกิจ และศักยภาพในการเติบโต เมื่อผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดเริ่มบรรเทาลง เราจะยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ '5G + AIoT' และเพิ่มความแข็งแกร่งในขนาดของการลงทุนของเรายิ่งขึ้นเพื่อให้ทุกคนในโลกมีความสุขกับชีวิตที่ดีขึ้นจากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม"

ทบทวนผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ปี 2563

กลยุทธ์ “Dual-Brand” ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
ครองตำแหน่งผู้นำในตลาด 5G



ในไตรมาสแรกของปี 2563 รายรับของเสียวหมี่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 30.3 พันล้านหยวนเพิ่มขึ้น 12.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มียอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนถึง 29.2 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลของ Canalys ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เสียวหมี่ได้อันดับที่ 4 จากทั่วโลกในด้านยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟน และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 11.1 % ซึ่งทำให้เสียวหมี่เป็นเพียงหนึ่งในสองบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำระดับท็อป 5 ของโลกที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดการจัดส่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เอาไว้ได้

เสียวหมี่ยังคงใช้กลยุทธ์ Dual Brand ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2563 โดย Mi 10 และ Mi 10 Pro มียอดการจัดส่งเกิน 1 ล้านเครื่องในเวลาเพียงสองเดือนหลังจากการเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 แบรนด์ Redmi ยังคงออกผลิตภัณฑ์ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในราคาต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดตัวรุ่นแฟล็กชิพ K series Redmi K30 Pro และ Redmi K30 Pro Zoom Edition และหลังจากความสำเร็จของ Redmi Note 8 ซีรีย์ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดอันดับสองของโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่ได้เปิดตัว Redmi Note 9S และ Redmi Note 9 Pro ในตลาดต่างประเทศ


ด้วยแรงหนุนจากสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมี่ยม ราคาขายเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จึงเพิ่มขึ้น 7.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในไตรมาสแรกของปี 2563 และราคาขายเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 18.7 % และ 13.7 % ตามลำดับ

ธุรกิจ IoT เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขับเคลื่อนโดยรากฐานธุรกิจที่มั่นคง


ในไตรมาสแรกของปี 2563 รายรับของเสียวหมี่ในกลุ่ม IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 13.0 พันล้านหยวน การนำเสนอผลิตภัณฑ์ IoT ที่หลากหลายของเสียวหมี่ผนวกกับรากฐานธุรกิจที่มั่นคง ทำให้กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการมีรายรับเพิ่มขึ้น 7.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีวิกฤตโรคระบาด

ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์ม IoT สำหรับผู้บริโภคชั้นนำของโลก จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม IoT ของเสียวหมี่เพิ่มขึ้นเป็น 252 ล้านหน่วย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยเพิ่มขึ้น 42.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ 5 เครื่องขึ้นไปที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม IoT ของ บริษัท (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ยังมีจำนวนถึง 4.6 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 67.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือนมีนาคม 2563 ผู้ช่วย AI “小愛同學” มีผู้ใช้งานถึง 70.5 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 54.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนแอปพลิเคชัน Mi Home มีผู้ใช้งานถึง 40 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 53.3 % มื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 แม้ว่ายอดขายโทรทัศน์ทั่วโลกจะลดลงจากวิกฤตโรคระบาด แต่การยอดการจัดส่งสมาร์ททีวีทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงเพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.7 ล้านเครื่อง โดยยังคงความเป็นผู้นำในธุรกิจสมาร์ททีวีทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดต่างประเทศ บริษัท วิจัย All View Cloud (“AVC”) ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2563 ยอดการจัดส่งโทรทัศน์ของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ในอันดับที่ 1 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 อีกทั้งยังติดอยู่ในหนึ่งในห้าอันดับแรกในยอดการจัดส่งโทรทัศน์ทั่วโลกอีกด้วย


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เสียวหมี่เปิดตัว AX3600 ซึ่งเป็นเราเตอร์ AIoT ที่รองรับ WiFi 6 ทำให้เสียวหมี่เป็นแบรนด์แรกในประเทศจีนที่รองรับเทคโนโลยี WiFi 6 จากอุปกรณ์ปลายทางไปยังเราเตอร์ โดยยอดขายเราเตอร์ของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 124 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาสแรกของปี 2563 และจากข้อมูลของ AVC เสียวหมี่ได้อันดับ 2 ในประเทศจีนในด้านยอดการจัดส่งเราเตอร์ออนไลน์ นอกจากนี้ยอดขายของหูฟังไร้สาย Mi True, Mi Band, Mi Electric Scooter และ Mi Robot Vacuum ยังเพิ่มขึ้นถึง 619.6%, 56.0%, 40.7% และ 40.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่เป็นอันดับที่ 1 ในด้านยอดของการจัดส่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ และอันดับที่ 3 ในด้านยอดการจัดส่ง True Wireless Stereo (“TWS”) ทั่วโลกในปี 2562 และจากข้อมูลของ iResearch เสียวหมี่เป็นอันดับที่ 1 ในด้านยอดของการจัดส่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2562 อีกด้วย

ธุรกิจในต่างประเทศเติบโตแม้ต้องเผชิญกับอุปสรรค
รายรับรวมครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ

รายรับจากต่างประเทศของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 24.8 พันล้านหยวน ในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งคิดเป็น 50.0% ของรายรับทั้งหมด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รายรับจากต่างประเทศคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายรับทั้งหมด

ในไตรมาสแรกของปี 2563 สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31.2 % ของยอดการจัดส่งในอินเดียและเป็นอันดับที่ 1 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 จากข้อมูลของ IDC โดยเสียวหมี่ได้ยกระดับความเป็นผู้นำในตลาดอินเดีย และมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดประเทศใกล้เคียง จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่เป็นอันดับที่ 1 ในยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนในประเทศเนปาลในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 30.9 % ซึ่งเทียบเท่ากับส่วนแบ่งการตลาดของ บริษัท สมาร์ทโฟนอันดับ 2 และอันดับ 3 รวมกัน

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังมีการเติบโตที่โดดเด่นในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ จากข้อมูลของ Canalys ในไตรมาสแรกของปี 2563 เสียวหมี่มียอดขายสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 58.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในตลาดยุโรป โดยคิดเป็นสัดส่วน 14.3 % ของส่วนแบ่งตลาดและติดอยู่ในท็อป 4 นอกจากนั้นเสียวหมี่ยังติดอยู่ในท็อป 4 ในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี จากข้อมูลของ Canalys ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในยุโรปตะวันตกเพิ่มขึ้น 79.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในประเทศสเปน เสียวหมี่กลายเป็นบริษัทสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ด้วยยอดการจัดส่งที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 28.0 % ในละตินอเมริกา เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 5 จากยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น 236.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ตลาดโดยรวมกำลังถดถอย นอกจากนี้ยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนในตะวันออกกลางและแอฟริกาของเสียวหมี่ยังเพิ่มขึ้น 55.2 % และ 284.9 % ตามลำดับ

รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่อยู่ที่ 5.9 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้น 38.6 % เมื่อเทียบปีต่อปี กิจกรรมของผู้ใช้และเวลาที่ใช้บนอุปกรณ์เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยในเดือนมีนาคม 2563 จำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 26.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 330.7 ล้านคน ในขณะที่จำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI ในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 111.5 ล้านคน

ด้วยการใช้วิธีการสร้างรายได้ที่หลากหลาย รวมถึงการแสวงหา การติดตั้งล่วงหน้า ฟีดข่าว รวมไปถึงการขยายฐานผู้โฆษณาในหลากหลายอุตสาหกรรม และการเพิ่มประสิทธิภาพของอัลกอริทึม ทำให้ รายรับจากโฆษณาจึงเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 16.6 % เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้ เนื่องจากตลาดเกมออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในจีนแผ่นดินใหญ่และรายรับเฉลี่ยเกมออนไลน์ต่อผู้ใช้ที่สูงขึ้นจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม รายรับจากเกมออนไลน์จึงเพิ่มขึ้น 80.5 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 1.5 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกปี 2563 รายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตนอกเหนือจากโฆษณาและเกมจากสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งรวมถึงรายรับจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Youpin ธุรกิจฟินเทค บริการอินเทอร์เน็ตทีวีและบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 71.5 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2563

บริการสตรีมวิดีโอและบริการสมัครสมาชิกอื่นๆ ที่มีให้บริการบนโทรทัศน์ของเสียวหมี่ กลายเป็นตัวเลือกด้านความบันเทิงที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคจำนวนมากในช่วงวิกฤตโรคระบาด เมื่อผู้ใช้งานเริ่มคุ้นเคยกับบริการชำระค่าสมัครบนแพลตฟอร์มของเสียวหมี่ รายรับจากการสมัครสมาชิกจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเดือนมีนาคมปี 2563 จำนวนผู้ใช้งานรายเดือนของสมาร์ททีวีและ Mi Box มีจำนวนถึง 30.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 มีจำนวนผู้ที่ชำระเงินเพิ่มขึ้น 53.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 4.3 ล้านคน

ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
เสียวหมี่ได้ดำเนินงานอย่างสุดความสามารถในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา เสียวหมี่นับเป็นหนึ่งในบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งแรกๆ ที่ต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาดในมณฑลหูเป่ย โดยได้บริจาคและส่งมอบเวชภัณฑ์ที่สำคัญให้กับโรงพยาบาลกว่า 30 แห่งในมณฑล นอกเหนือจากการต่อสู้กับโรคระบาดในประเทศจีนแล้ว เสียวหมี่ยังต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือและบริจาคเวชภัณฑ์จำนวนมาก รวมทั้งหน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน และเครื่องช่วยหายใจ ไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

ในจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดเริ่มบรรเทาลง การขายผลิตภัณฑ์หลักของเสียวหมี่จึงฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ร่วมมือกับพันธมิตรในซัพพลายเชนในการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อช่วยเพิ่มกำลังการผลิต การผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่โดยส่วนใหญ่กลับมาดำเนินต่อไป และความต้องการสมาร์ทโฟนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนเมษายนยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ค่อยๆ กลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาด และยอดการจัดส่งสมาร์ททีวีก็ฟื้นตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน

ในตลาดต่างประเทศ การเข้าถึงอย่างกว้างขวางทั่วโลกของเสียวหมี่ ทำให้กลุ่มบริษัทเสียวหมี่สามารถวางกลยุทธ์และปรับใช้ทรัพยากรในตลาดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วในการรับมือกับวิกฤตโรคระบาด ในขณะที่มาตรการล็อคดาวน์ในตลาดต่างๆ ค่อยๆ ผ่อนปรนลง ยอดขายก็เริ่มฟื้นตัว โดยในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม จำนวนการเปิดใช้งานสมาร์ทโฟนในตลาดยุโรปได้กลับสู่ระดับ 90% ของระดับเฉลี่ยรายสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2563

เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK.) เสียวหมี่ บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT

เสียวหมี่ให้ความสำคัญทั้งด้านนวัตกรรมและคุณภาพ มุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดรวมไปถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เสียวหมี่ ไม่ลดละสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจในราคาเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม

ปัจจุบัน เสียวหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 252 ล้านผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 90 ประเทศ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นๆ ในตลาดสำคัญต่างๆ

ในเดือนกรกฎาคม 2019 เสียวหมี่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2019 ของนิตยสารฟอร์จูนเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 468 และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปี 2019 ในเดือนพฤษภาคม 2020 เสียวหมี่ก็ยังคงได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Forbes Global 2000” คราวนี้ได้เป็นอันดับที่ 384 ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ http://blog.mi.com/en/


ไม่มีความคิดเห็น