แลนเซสส์ (LANXESS) เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ ชนิดฟู้ดเกรด (Food Grade Compressor Oils) ประสิทธิภาพสูงในราคาที่ย่อมเยาว์
กรุงเทพมหานคร, วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 - ANDEROL® Specialty Lubricants ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปของแลนเซสส์ (LANXESS) ได้คิดค้นสูตรของน้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์กึ่งสังเคราะห์คุณภาพสูงเกรดพิเศษที่ใช้สำหรับเครื่องจักรในสายการผลิตอาหารที่มีประสิทธิภาพโดดเด่น ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า
น้ำมันหล่อลื่นกึ่งสังเคราะห์ ชนิดฟู้ดเกรด (Semi-synthetic food grade oils) ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีและการผสมผสานกันอย่างลงตัวของน้ำมันพื้นฐาน (กลุ่ม III) Hydrocracked ที่ผ่านการกลั่นแบบ Severely Hydrotreated เพื่อให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพสูงและปราศจากสิ่งปนเปื้อน แล้วจึงนำมาทำการปรับปรุงด้วยการเพิ่มสารสังเคราะห์เอสเทอร์ (Synthetic Esters) คุณภาพสูงและเทคโนโลยีสารเติมแต่งที่ผ่านขบวนการ ซึ่งช่วยปรับปรุงความหนืด มีความต้านทานการสึกหรอได้ดี การใช้งานที่อุณหภูมิสูงและทนต่อแรงเค้นสูง นอกจากนี้ยังเพิ่มคุณสมบัติการชะล้าง (Detergency) ทำให้เกิดการหล่อลื่นภายในเครื่องจักรสะอาด
กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคอมเพสเซอร์ของ ANDEROL® FG S มีคุณสมบัติที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แบบพรีเมี่ยมในราคาที่ย่อมเยาว์ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของน้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic Oils) ที่เหนือกว่าน้ำมันแร่ (Mineral Oils) โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย อีกทั้งมั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้ (Compatibility) จึงไม่จำเป็นต้องมีข้อควรระวังเป็นพิเศษเมื่อเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดแร่เปลี่ยนมาเป็นน้ำมันหล่อลื่น ANDEROL® S-Series ของแลนเซสส์ ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อสี, ซีล, ปะเก็นและท่อยาง (paints, seals, gaskets and hoses)
การทดลองภาคสนามที่ประสบความสำเร็จแสดงให้เห็นว่าอายุการใช้งานของน้ำมัน ISO VG 46 และ ISO VG 68 สูงเกินกว่า 6,000 ชั่วโมงและสามารถสูงได้ถึง 10,000 ชั่วโมง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ FG S ซีรี่ส์มีข้อได้เปรียบมากกว่าน้ำมันแร่ได้แก่:
· ราคาถูกกว่า (ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการเป็นเจ้าของ)
· ประหยัดพลังงานลงถึง 4 เปอร์เซ็นต์
· การปกป้องในระดับน้ำมันสังเคราะห์สำหรับเครื่องจักรราคาแพง
· ควบคุมการเกิดคราบสะสมและตะกอนได้อย่างยอดเยี่ยม
· ทำความสะอาดสภาพเครื่องจักร
· ทนความร้อนและการออกซิเดชั่นได้อย่างดีเยี่ยม
· คุณสมบัติการหล่อลื่นและการหล่อเย็นที่ยอดเยี่ยม
· คุณสมบัติการถ่ายเทความร้อนที่ดีเยี่ยม
· ความเสถียรสูงแม้จะอยู่ในสภาวะการทำงานหนักมาก
· มีความเสถียรต่อแรงเฉือนที่อุณหภูมิสูง
· การระเหยของน้ำมันต่ำจึงมีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น
· มีความต้านทานต่อการแยกตัวและการเกิดฟองได้ดี
· มีประสิทธิภาพการทำงานยังคงดีเลิศแม้อยู่ในสภาพอุณหภูมิสูงหรือต่ำ
· ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามฤดูกาล
· ทำให้เครื่องคอมเพรสเซอร์เย็นลง
· ขยายช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น
· ยืดอายุการใช้งาน (เพิ่มอีก 2,000 ชั่วโมง)
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ ANDEROL® FG S มีความเป็นเลิศในการทดสอบเมื่อเทียบกับน้ำมันแร่มาตรฐาน (ดูตาราง)
ในการทดสอบการสึกหรอแบบโฟร์บอล (Four-Ball Wear tests) ซึ่งใช้ในการประเมินคุณสมบัติป้องกันการสึกหรอของน้ำมันหล่อลื่นพบว่า ANDEROL® FG S 46 มีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันแร่มาตรฐาน
เส้นผ่านศูนย์กลางแผล (Scar Diameter) ที่เป็นผลลัพธ์จากการทดสอบจะกำหนดความสามารถของสารหล่อลื่นในการป้องกันการสึกหรอ ซึ่งเส้นผ่านศูนย์กลางที่เกิดจากรอยเชื่อมติดที่เล็กกว่าจะแสดงให้เห็นความสามารถในการป้องกันที่ดีกว่า
การทดสอบการสึกหรอแบบโฟร์บอลโดยทั่วไป ถ้าได้ผลลัพธ์เกิดจากรอยเชื่อมติดที่เส้นผ่าศูนย์กลางยาวน้อยกว่า 0.5 มม. นั้นหมายถึงการรับภาระโหลดที่ดีเยี่ยม แต่จากการทดสอบน้ำมันหล่อลื่น ANDEROL FG S 46 แสดงให้เห็นแผลที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวเพียง 0.35 มม. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของฟิล์มที่สูงมาก
คุณสมบัติการระเหย (Volatility) ของสารหล่อลื่นกำหนดลักษณะการสูญเสียเนื่องจากการระเหย ยิ่งมีการระเหยสูงมากเท่าไหร่อุณหภูมิก็จะยิ่งลดลงซึ่งหมายความว่าโมเลกุลของไฮโดรคาร์บอนขนาดเล็กจะถูกขับออกหรือระเหยออกไป การสูญเสียไฮโดรคาร์บอนขนาดเล็กจากน้ำมันสามารถเพิ่มความหนืดโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำมันหล่อลื่นที่ระเหยได้มากขึ้นก็หมายถึงความไวไฟอีกด้วย นอกจากนั้นฟิล์มน้ำมันอาจแตกบนกระบอกสูบส่งผลให้เกิดการสึกหรอและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
จากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเปอร์เซ็นต์การสูญเสียจากการระเหยที่ 100 ° C นาน 22 ชั่วโมง สำหรับ ANDEROL® FG S 46 มีเพียง 1.8% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 7.8% สำหรับน้ำมันแร่มาตรฐาน
การทดสอบความเสถียรภาพของการเกิดออกซิเดชันด้วยความร้อนโดยดูเส้นโค้ง PDSC (Thermal Oxidation Stability PDSC Test) แสดงผลลัพธ์ที่น่าพึ่งพอใจเช่นกัน สำหรับการวัดค่าความต่างความร้อนของสารภายใต้แรงกดดันสูง (High Pressure Differential Scanning Calorimetry) เป็นวิธีการวิเคราะห์เชิงความร้อนที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเสถียรของการเกิดออกซิเดชั่นทางความร้อนของน้ำมันหล่อลื่น เส้นโค้ง PDSC ใช้เพื่อกำหนดจุดเริ่มต้นของการสลายตัวผ่านปฏิกิริยาออกซิเดชั่นออกซิเดชั่น (Oxidative Degradation) ระยะเวลาจากการสัมผัสกับอากาศหรือออกซิเจนเป็นครั้งแรกไปจนกระทั่งถึงการเกิดออกซิเดชันเรียกว่าระยะเวลาเกิดออกซิเดชัน (Oxidation Induction Time) ยิ่งใช้เวลานานขึ้นจนกระทั้งเกิดออกซิเดชันนานขึ้นจะแสดงให้เห็นคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น
ภายใต้เงื่อนไขการทดสอบที่ 1-4 mg, 200 ° C, อัตราความร้อน 100 ° C / นาที, ออกซิเจน 500 psi, จากการทลสอบพบว่า ANDEROL® FG S 46 มีความเสถียรต่อการเกิดออกซิเดชั่นที่ดีมาก (106) เมื่อเทียบกับความเสถียรต่อการเกิดออกซิเดชั่นของน้ำมันแร่มาตรฐาน (87)
อายุการใช้งานของน้ำมันหล่อลื่นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันกับการช่วยควบคุมการเกิดคราบสะสม (Deposit Control)
ANDEROL® FG S 46 มีคุณสมบัติการควบคุมการเกิดคราบสะสมและตะกอน (Deposit and Sludge Control) ที่ยอดเยี่ยมรวมทั้งมีการก่อตัวของคราบสะสมในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
อีกทั้งยังผ่านการทดสอบ Petri Scale Tests ครบชุดเพื่อแสดงให้เห็นประสิทธิภาพและความเสถียรของการเกิดออกซิเดชันด้วยความร้อน (ดูผลลัพธ์เต็มรูปแบบได้ที่ https://anderol.com/news/fg-s-series)
ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างทั้งหมดถูกวางไว้ในจานทดสอบ (Petri Dish) ที่ระดับความร้อนถึง 220 ° C และตรวจสอบตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปแปดชั่วโมงพบว่า ANDEROL® FG S 46 ยังคงมีสีที่อ่อนกว่าคู่แข่งซึ่งบ่งบอกถึงเสถียรภาพทางความร้อน แถมยังไม่มีร่องรอยตะกอนอีกด้วย
แม้ผ่านไปอีกสี่ชั่วโมงต่อมา สีของ FG S 46 ส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ของคู่แข่งมีสีดำคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมงยังคงไม่พบการก่อตัวของโพลีเมอร์และคราบตะกอน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ ANDEROL® FG S พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เป็นน้ำมันหล่อลื่นกึ่งสังเคราะห์ ชนิดฟู้ดเกรดมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องจักรต่ำลงและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันหล่อลื่นน้อยลง จึงเป็นเลือกสารหล่อลื่นที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม anderol.com
Anderol® เป็นเครื่องหมายทางการค้าของ LANXESS Deutschland GmbH หรือ บริษัทในเครือที่ได้จดทะเบียนไว้ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก.
ในการทดสอบการสึกหรอแบบโฟร์บอล (Four-Ball Wear tests) ซึ่งใช้ในการประเมินคุณสมบัติป้องกันการสึกหรอของน้ำมันหล่อลื่นพบว่า ANDEROL® FG S 46 มีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันแร่มาตรฐาน
เส้นผ่านศูนย์กลางแผล (Scar Diameter) ที่เป็นผลลัพธ์จากการทดสอบจะกำหนดความสามารถของสารหล่อลื่นในการป้องกันการสึกหรอ ซึ่งเส้นผ่านศูนย์กลางที่เกิดจากรอยเชื่อมติดที่เล็กกว่าจะแสดงให้เห็นความสามารถในการป้องกันที่ดีกว่า
การทดสอบการสึกหรอแบบโฟร์บอลโดยทั่วไป ถ้าได้ผลลัพธ์เกิดจากรอยเชื่อมติดที่เส้นผ่าศูนย์กลางยาวน้อยกว่า 0.5 มม. นั้นหมายถึงการรับภาระโหลดที่ดีเยี่ยม แต่จากการทดสอบน้ำมันหล่อลื่น ANDEROL FG S 46 แสดงให้เห็นแผลที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวเพียง 0.35 มม. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของฟิล์มที่สูงมาก
คุณสมบัติการระเหย (Volatility) ของสารหล่อลื่นกำหนดลักษณะการสูญเสียเนื่องจากการระเหย ยิ่งมีการระเหยสูงมากเท่าไหร่อุณหภูมิก็จะยิ่งลดลงซึ่งหมายความว่าโมเลกุลของไฮโดรคาร์บอนขนาดเล็กจะถูกขับออกหรือระเหยออกไป การสูญเสียไฮโดรคาร์บอนขนาดเล็กจากน้ำมันสามารถเพิ่มความหนืดโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำมันหล่อลื่นที่ระเหยได้มากขึ้นก็หมายถึงความไวไฟอีกด้วย นอกจากนั้นฟิล์มน้ำมันอาจแตกบนกระบอกสูบส่งผลให้เกิดการสึกหรอและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
จากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเปอร์เซ็นต์การสูญเสียจากการระเหยที่ 100 ° C นาน 22 ชั่วโมง สำหรับ ANDEROL® FG S 46 มีเพียง 1.8% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 7.8% สำหรับน้ำมันแร่มาตรฐาน
การทดสอบความเสถียรภาพของการเกิดออกซิเดชันด้วยความร้อนโดยดูเส้นโค้ง PDSC (Thermal Oxidation Stability PDSC Test) แสดงผลลัพธ์ที่น่าพึ่งพอใจเช่นกัน สำหรับการวัดค่าความต่างความร้อนของสารภายใต้แรงกดดันสูง (High Pressure Differential Scanning Calorimetry) เป็นวิธีการวิเคราะห์เชิงความร้อนที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเสถียรของการเกิดออกซิเดชั่นทางความร้อนของน้ำมันหล่อลื่น เส้นโค้ง PDSC ใช้เพื่อกำหนดจุดเริ่มต้นของการสลายตัวผ่านปฏิกิริยาออกซิเดชั่นออกซิเดชั่น (Oxidative Degradation) ระยะเวลาจากการสัมผัสกับอากาศหรือออกซิเจนเป็นครั้งแรกไปจนกระทั่งถึงการเกิดออกซิเดชันเรียกว่าระยะเวลาเกิดออกซิเดชัน (Oxidation Induction Time) ยิ่งใช้เวลานานขึ้นจนกระทั้งเกิดออกซิเดชันนานขึ้นจะแสดงให้เห็นคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น
ภายใต้เงื่อนไขการทดสอบที่ 1-4 mg, 200 ° C, อัตราความร้อน 100 ° C / นาที, ออกซิเจน 500 psi, จากการทลสอบพบว่า ANDEROL® FG S 46 มีความเสถียรต่อการเกิดออกซิเดชั่นที่ดีมาก (106) เมื่อเทียบกับความเสถียรต่อการเกิดออกซิเดชั่นของน้ำมันแร่มาตรฐาน (87)
อายุการใช้งานของน้ำมันหล่อลื่นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันกับการช่วยควบคุมการเกิดคราบสะสม (Deposit Control)
ANDEROL® FG S 46 มีคุณสมบัติการควบคุมการเกิดคราบสะสมและตะกอน (Deposit and Sludge Control) ที่ยอดเยี่ยมรวมทั้งมีการก่อตัวของคราบสะสมในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
อีกทั้งยังผ่านการทดสอบ Petri Scale Tests ครบชุดเพื่อแสดงให้เห็นประสิทธิภาพและความเสถียรของการเกิดออกซิเดชันด้วยความร้อน (ดูผลลัพธ์เต็มรูปแบบได้ที่ https://anderol.com/news/fg-s-series)
ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างทั้งหมดถูกวางไว้ในจานทดสอบ (Petri Dish) ที่ระดับความร้อนถึง 220 ° C และตรวจสอบตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปแปดชั่วโมงพบว่า ANDEROL® FG S 46 ยังคงมีสีที่อ่อนกว่าคู่แข่งซึ่งบ่งบอกถึงเสถียรภาพทางความร้อน แถมยังไม่มีร่องรอยตะกอนอีกด้วย
แม้ผ่านไปอีกสี่ชั่วโมงต่อมา สีของ FG S 46 ส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ของคู่แข่งมีสีดำคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมงยังคงไม่พบการก่อตัวของโพลีเมอร์และคราบตะกอน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ ANDEROL® FG S พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เป็นน้ำมันหล่อลื่นกึ่งสังเคราะห์ ชนิดฟู้ดเกรดมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องจักรต่ำลงและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันหล่อลื่นน้อยลง จึงเป็นเลือกสารหล่อลื่นที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม anderol.com
Anderol® เป็นเครื่องหมายทางการค้าของ LANXESS Deutschland GmbH หรือ บริษัทในเครือที่ได้จดทะเบียนไว้ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก.
ไม่มีความคิดเห็น