Breaking News

กรุงศรีเผยผลกำไรไตรมาสแรก 6,505 ล้านบาท ตอกย้ำการปรับตัวอย่างแข็งแกร่งพร้อมดูแลลูกค้า-หนุนเศรษฐกิจฟื้น

กรุงเทพฯ (20 เมษายน 2564)กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ)
เผยผลประกอบการไตรมาสแรก โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 6,505 ล้านบาท จากการเติบโตของสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งรวมสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ 1.63% ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทาย คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารยังคงแข็งแกร่งภายใต้การบริหารความเสี่ยงด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) เพียง 1.99% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 175.0%

สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาสแรก
  • กำไรสุทธิ: จำนวน 6,505 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 92.2% หรือจำนวน 3,120 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Management Overlay) ในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิลดลง 7.5% หรือจำนวน 528 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ
  • เงินให้สินเชื่อรวม: เพิ่มขึ้น 0.3% หรือจำนวน 6,365 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งรวมสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต 1.63% ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยลดลง 1.0% จากการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้าตามปัจจัยด้านฤดูกาลและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • เงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 2.9% หรือจำนวน 53,959 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากออมทรัพย์
  • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.07% เทียบกับ 3.14% ในไตรมาสก่อนหน้า
  • รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: ลดลงจำนวน 256 ล้านบาท หรือ 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้ารายย่อยที่สูงขึ้นตามฤดูกาลในไตรมาสก่อนหน้า
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ด้วยนโยบายการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของกรุงศรี ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 43.8% เทียบกับ 46.5% ในไตรมาสก่อนหน้า
  • อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio): ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.99% เทียบกับ 2.00% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563
  • อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ: อยู่ในระดับสูงที่ 175.0% เทียบกับ 175.1% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563
  • อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร: อยู่ที่ 17.85% เทียบกับ 17.92% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563


นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “ภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังของกรุงศรี ในท่ามกลางสภาวะการณ์ที่ท้าทาย พอร์ตสินเชื่อเพื่อธุรกิจของธนาคารยังคงเติบโตที่ 1.63% ในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งเกิดจากการสนับสนุนในด้านสภาพคล่องและสินเชื่อให้แก่ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจนการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม”

“เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการส่งออก สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าหลักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการทางเศรษฐกิจที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งนี้ การกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ กรุงศรีจึงปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มาอยู่ที่ 2.2.% จาก 2.5%”

“ท่ามกลางความไม่แน่นอนและสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับภาคการธนาคารและเศรษฐกิจไทย กรุงศรีจะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในบทบาทสำคัญของผู้ให้บริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ โดยมุ่งให้ความสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การช่วยเหลือลูกค้าทั้งในส่วนของลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจขนาดใหญ่ และฟื้นฟูสังคมไทยโดยรวม ทั้งนี้ ธนาคารจะดำเนินการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เป็นดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและผลิตภาพให้แข็งแกร่ง พร้อมสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่น่าประทับใจต่อไป”

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.84 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.89 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.7 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 276 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.85% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.80%

เกี่ยวกับกรุงศรี
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 76 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 665 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 626 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 32,216 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 9.5 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย

กรุงศรี มีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น

เกี่ยวกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) 
มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานกว่า 2,700 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 180,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MUFG กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english


ไม่มีความคิดเห็น