Breaking News

เสียวหมี่ติดโผหนึ่งใน 50 บริษัทดาวรุ่งและบริษัทที่มาแรงแห่งอนาคต ของ Future 50 List เป็นครั้งแรก


       o เสียวหมี่ติดอันดับที่ 7 ใน Future 50 list ของปี 2019
       o การติดโผนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการเติบโตระยะยาวของบริษัทในอนาคต

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 30 ตุลาคม 2562 เสียวหมี่คอร์ปอเรชั่น ได้ทำสถิติใหม่ติดโผบริษัทดาวรุ่งแห่งอนาคตโดยการติด ท็อป 50 ของปี 2019 ในการจัดอันดับ Future 50 List เป็นครั้งแรก และมาแรงเป็นอันดับที่ 7 แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบริษัทพร้อมด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาด

การจัดอันดับนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยบริษัทให้คำปรึกษาระดับโลกอย่าง Boston Consulting Group และ นิตยสาร Fortune ตั้งแต่ปี 2017 โดยการจัดอันดับ Future 50 หรือบริษัทดาวรุ่งแห่งอนาคต 50 บริษัท ที่มาแรงแห่งปีนั้น เป็นการจัดอันดับบริษัทชั้นแนวหน้าของโลกที่มีการคาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จด้านการเติบโตในระยะยาวเป็นอย่างมาก

คุณเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานบริษัทและซีอีโอของเสียวหมี่กล่าวว่า “ หลายปีที่ผ่านมา เราได้ทำการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในด้านกลยุทธ์หลักของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางการบริหาร การทำการวิจัยด้านเทคโนโลยี การพัฒนาระบบ การออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การพัฒนาแบรนด์และอื่นๆ อีกมากมาย การพัฒนาเหล่านี้ได้นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับเสียวหมี่เพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดจากทั้งในและนอกประเทศ”

การได้รับการจัดอับดับอันทรงเกียรติให้เป็นหนึ่งในบริษัทดาวรุ่งแห่งปีจาก Future 50 นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอีกขั้น ที่ตามมาหลังจากการได้รับการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2019 ของ “Fortune Global 500” เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาของปีเดียวกัน ซึ่งผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งติดอันดับที่ 468 ด้วยรายได้กว่า 2,049.10 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา และยังคว้าอันดับ 7 มาครองในหมวดบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีกอีกด้วย โดยเสียวหมี่ เป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดในบรรดาบริษัททั้งหมดที่อยู่ในการจัดอันดับ Global 500 ประจำปี 2019 อีกด้วย
บทพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในการเติบโตระยะยาว

เสียวหมี่ยังคงแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตราสินค้าที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับโครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแรงไม่เหมือนใคร อย่าง Triathlon ที่ผสานเอาเสาหลักถึงสามอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดแวร์ ร้านค้าปลีกใหม่ๆ และการให้บริการทางอินเทอร์เน็ต

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เสียวหมี่ได้ประกาศกลยุทธ์เพิ่มเติมนั่นคือ dual-engine strategy คือการผสานสองพลังของ สมาร์ทโฟนและ AIoT เข้าด้วยกัน ด้วยเงินลงทุนกว่าหนึ่งหมื่นล้านหยวนในอีกห้าปีข้างหน้า

ขณะนี้เสียวหมี่ได้ดำเนินธุรกิจมากกว่า 80 ตลาดทั่วโลก และตามรายงานจาก Canalys (บริษัทวิเคราะห์การตลาดของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก) ระบุว่าเสียวหมี่อยู่ลำดับที่ 4 ของโลกหากประเมินจากการขนส่งสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่สองของปี 2019 และยังติดอันดับท็อป 5 ในมากกว่า 40 ตลาดอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้เสียวหมี่คือบริษัทที่มีแพลตฟอร์มด้านสินค้า Internet of Things (IoT) หรือ อุปกรณ์อัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันได้มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะมากกว่า 196 ล้านเครื่อง (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ตามข้อมูลของสถิติของสิ้นเดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นว่าเมื่อเทียบปีต่อปีแล้ว อัตราการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะมีการเพิ่มขึ้นถึง 69.5%

เสียวหมี่ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี AIoT ต่อไป โดยจะสร้างระบบนิเวศของ AIoT ที่ครอบคลุม สร้างและพัฒนาการวิจัยให้แข็งแกร่ง และพัฒนาการเชื่อมโยงธุรกิจในแต่ละภาคส่วนเพื่อยกระดับการเชื่อมต่อและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ให้ดีขึ้น

ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2019 เสียวหมี่มีพนักงานประจำกว่า 16,911 อัตรา แบ่งออกเป็นพนักงานวิจัยกว่า 7,779 อัตรา และมีพนักงานในตำแหน่งนักพัฒนาในแผนกต่างๆ อีกมากมาย

เสียวหมี่ยังลงทุนกับบริษัท Supply Chain อีกกว่า 270 บริษัท เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับบริษัทผู้ผลิตที่สำคัญ อันนำมาซึ่งการส่งเสริมกำลังการผลิตและแหล่งที่มาของเทคโนโลยีอันก้าวหน้า

ในการจัดอันดับ Future 50 โดยบริษัท Boston Consulting Group การประเมินการจัดอันดับได้ทำการตรวจสอบบริษัทที่เป็นมหาชนกว่า 1,000 บริษัท ที่มีมูลค่าในตลาดมากกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หากนับจากรายได้ทั้ง 12 เดือนจนถึงสิ้นปี 2018 ดัชนีการชี้วัดนี้มาจากสองปัจจัยหลักนั่นก็คือ การประเมินศักยภาพการเติบโตของตลาดแบบบนลงล่างหรือ top-down และ การประเมินบริษัทแบบ bottom-up หรือจากล่างขึ้นบน

สมรรถนะอันเต็มเปี่ยมเพื่อสร้างการเติบโตนั้นมาจากปัจจัย 4 ด้านดังนี้ กลยุทธ์ เทคโนโลยีและการลงทุนคน และโครงสร้าง

เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK.) เสียวหมี่ บริษัทให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT

ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและการเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในใจของลูกค้า เสียวหมี่ มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เสียวหมี่ ไม่ลดละสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจในราคาเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม

ปัจจุบัน เสียวหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 196 ล้านผลิตภัณฑ์ (ทั้งนี้ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 80 ประเทศ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นๆในตลาดสำคัญต่างๆ ด้วยความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของเสียวหมี่ ในเดือนกรกฎาคม 2019 เสียวหมี่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2019 ของนิตยสารฟอร์จูนเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 468 และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ http://blog.mi.com/en/

ไม่มีความคิดเห็น