Breaking News

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มอบเอกสิทธิ์เหนือระดับแก่ลูกค้าคนสำคัญกับ BMW Exclusive Parking บริการที่จอดรถสำรองพิเศษ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมด้วย คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัว BMW Exclusive Parking บริการที่จอดรถสำรองพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่เข้าร่วมในการให้บริการโดยมี คุณอิศเรศ จิราธิวัฒน์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และคุณอรดา เกิดหงษ์ (ซ้ายสุด) ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ ให้เกียรติเข้าร่วม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆนี้

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มอบเอกสิทธิ์เหนือระดับที่คัดสรรมาเฉพาะสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู กับ BMW Exclusive Parking บริการที่จอดรถสำรองพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7*, ซีรีส์ 8*, X7, บีเอ็มดับเบิลยู M*, บีเอ็มดับเบิลยู i3*, i8*, iX และ iX3 (*รุ่นปี 2563 ขึ้นไป) ที่ขับรถมาใช้บริการ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกับบริการที่จอดรถสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมจุดชาร์จแบบ AC 22 กิโลวัตต์ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 2 ช่องจอด รวมทั้งหมด 9 ช่องจอด ช่วยลดระยะเวลาในการค้นหาที่จอดรถ ให้ลูกค้าได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขเพิ่มขึ้น


มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
กล่าวว่า “สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ เรายังคงนำเสนอบริการและสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมเติมเต็มความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและสร้างความประทับใจให้พวกเขาอยู่เสมอ สำหรับบริการ Exclusive Parking นี้เป็นอีกหนึ่งในบริการที่เราคาดหวังให้เป็นการยกระดับประสบการณ์ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า”


คุณอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “เซ็นทรัลเวิลด์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำเสนอบริการซึ่งมีประโยชน์ต่อชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูที่ขับรถมาจอดและใช้บริการในศูนย์การค้า กับช่องจอดรถที่กว้างขวางและเป็นส่วนตัว พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจ และมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดตั้งแต่ก้าวแรกที่มาใช้บริการที่เซ็นทรัลเวิลด์ ตอกย้ำการเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ


โดยการร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดความมุ่งมั่นของเซ็นทรัลพัฒนา ในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี 2050 ด้วยความมุ่งมั่นด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคตของทุกคน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all สร้างระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน”


ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่เป็นเจ้าของรถยนต์กลุ่มดังกล่าวในรุ่นปี 2563 เป็นต้นไป ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ จะได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลงานบริการลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยูในการยืนยันตัวตนเจ้าของรถและสอบถามรายละเอียดในการจัดส่งสติกเกอร์ BMW Exclusive Parking โดยสามารถใช้บริการ BMW Exclusive Parking ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ณ บริเวณจุดจอดรถชั้น B1 ล็อค U26-U29 อาคารจอดรถ 3,000 คัน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในการใช้ที่จอดรถลูกค้าต้องติดสติกเกอร์ BMW Exclusive Parking บริเวณกระจกหน้ารถและแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าช่องจอดรถ โดยมีช่องจอดรวมทั้งสิ้น 9 ช่อง รวมถึงจุดชาร์จไฟฟ้าให้บริการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 2 จุดอีกด้วย


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการดังกล่าว สามารถสอบถามได้ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เบอร์โทรศัพท์ 1379 และติดตามข่าวสารได้ทาง https://www.bmw.co.th หรือ https://www.facebook.com/bmwthailand/

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ในปี พ.ศ. 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 194,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 16.1 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 111.2 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 บีเอ็ม
ดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 118,909 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยวางรากฐานความสำคัญสำหรับอนาคตตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่กระบวนการการผลิตสินค้าไปยังผู้บริโภค หรือซัพพลายเชนในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสี่บริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง

ในปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 11,032 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 9,982 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,050 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,197 คัน

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 18 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 และบีเอ็มดับเบิลยูู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th


ไม่มีความคิดเห็น