อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 9 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 11,975,996 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,357 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 108.926 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 71.63%

➡️(9 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,357 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 37.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 332 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 158 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 108.926 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (63.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 50.644 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 11,975,996 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.8%

🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,357 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2564
    จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 11,975,996 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
        - เข็มแรก 8,800,155 โดส (13.3% ของประชากร)
        - เข็มสอง 3,175,841 โดส (4.8% ของประชากร)

2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 9 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 11,975,996 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 249,830 โดส/วัน ประกอบด้วย
    วัคซีน Sinopharm
        - เข็มที่ 1 175,546 โดส
        - เข็มที่ 2 511 โดส
    วัคซีน AstraZeneca
        - เข็มที่ 1 4,909,655 โดส
        - เข็มที่ 2 63,121 โดส
    วัคซีน Sinovac
        - เข็มที่ 1 3,714,954 โดส
        - เข็มที่ 2 3,112,209 โดส

3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
     - 95.11% ไม่มีผลข้างเคียง
     - 4.89% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
     - ปวดกล้ามเนื้อ 1.17%
     - ปวดศีรษะ 0.87%
     - ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.63%
     - เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.57%
     - ไข้ 0.38%
     - คลื่นไส้ 0.26%
     - ท้องเสีย 0.17%
     - ผื่น 0.14%
     - ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.11%
     - อาเจียน 0.07%
     - อื่น ๆ 0.50%

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
     - บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 108.9% เข็มที่2 96.5%
     - อสม เข็มที่1 34.9% เข็มที่2 18.3%
     - ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 14.1% เข็มที่2 0.9%
     - ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 17.0% เข็มที่1 3.7%
     - เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 37.1% เข็มที่2 23.5%
     - ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 15.0% เข็มที่2 5.4%

    รวม เข็มที่1 17.6% เข็มที่2 6.4%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
    กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 28.73% เข็มที่2 8.92% ประกอบด้วย
        - กรุงเทพฯ เข็มที่1 38.91% เข็มที่2 11.52%
        - สมุทรสาคร เข็มที่1 23.27% เข็มที่2 12.85%
        - นนทบุรี เข็มที่1 21.76% เข็มที่2 8.78%
        - สมุทรปราการ เข็มที่1 20.75% เข็มที่2 4.58%
        - ปทุมธานี เข็มที่1 13.32% เข็มที่2 4.03%
        - นครปฐม เข็มที่1 8.41% เข็มที่2 2.19%
    จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 7.06% เข็มที่2 2.61%
        - ภูเก็ต เข็มที่1 71.63% เข็มที่2 57.42%
        - ระนอง เข็มที่1 29.50% เข็มที่2 6.83%
        - สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 15.16% เข็มที่2 6.68%
        - เกาะสมุย เข็มที่1 62.12% เข็มที่2 42.58%
        - เกาะเต่า เข็มที่1 72.70% เข็มที่2 13.26%
        - เกาะพะงัน เข็มที่1 40.52% เข็มที่2 6.58%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 108,926,739 โดส ได้แก่
     1. อินโดนีเซีย จำนวน 50,644,144 โดส (13.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
     2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 12,489,777 โดส (8.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
     3. ไทย จำนวน 11,975,996 โดส (13.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
     4. มาเลเซีย จำนวน 10,413,270 โดส (22.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
     5. กัมพูชา จำนวน 8,272,286 โดส (28.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac

     6. สิงคโปร์ จำนวน 5,933,179 โดส (63.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
     7. เวียดนาม จำนวน 3,983,800 โดส (3.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
     8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
     9. ลาว จำนวน 1,606,520 โดส (13.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
     10. บรูไน จำนวน 107,767 โดส (20.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
     1. เอเชียและตะวันออกกลาง 63.01%
     2. อเมริกาเหนือ 13.3%
     3. ยุโรป 15.85%
     4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.98%
     5. แอฟริกา 1.55%
     6. โอเชียเนีย 0.31%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
     1. จีน จำนวน 1,342.38 ล้านโดส (47.9% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
     2. สหภาพยุโรป จำนวน 425.65 ล้านโดส (47.9%)
     3. อินเดีย จำนวน 368.58 ล้านโดส (13.5%)
     4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 332.35 ล้านโดส (51.9%)
     5. บราซิล จำนวน 110.12 ล้านโดส (26.4%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
     1. โปแลนด์ (80.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Moderna และ Pfizer/BioNTech)
     2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (73.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
     3. บาห์เรน (70.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
     4. มัลดีฟส์ (69.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
     5. ชิลี (61.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
     6. อิสราเอล (60.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
     7. อุรุกวัย (60.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
     8. สหราชอาณาจักร (59.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
     9. กาตาร์ (59.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
     10. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)