เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งมอบ “The new EQS” ให้ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 4 แห่ง ตอบรับกระแสความสนใจในยานยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีรุ่นใหม่ พร้อมย้ำความมุ่งมั่นสู่อนาคต
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ย้ำความมุ่งมั่นในการเดินหน้าทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยการส่งมอบรถยนต์รุ่น “The new EQS” จำนวน 4 คันให้กับผู้จำหน่ายรถยนต์แบรนด์ Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด และบริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ตอบรับกระแสความสนใจของผู้ใช้รถในไทยที่มีต่อยานยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีรุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมสนับสนุนการทำการตลาดของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัว The new EQS ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีลูกค้าแสดงความสนใจผ่านช่องทางดิจิทัล (digital leads) มามากกว่า 500 รายทั้งที่งานมหกรรมยานยนต์และการจัดงานเปิดตัวพิเศษที่เซ็นทรัลเวิลด์และเอ็มโพเรียมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในวันนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการทำการตลาดของผู้จำหน่าย Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ให้ความสนใจในยานยนต์ไฟฟ้าจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เราจึงประกาศส่งมอบรถยนต์รุ่น EQS จำนวน 4 คัน ซึ่งประกอบด้วย The new EQS 450+ AMG Premium และ The new EQS 450+ Edition 1 และจะมีเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งกับให้กับผู้จำหน่ายแบรนด์ Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด และบริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสตัวจริงของยนตรกรรมแห่งอนาคตคันนี้ พร้อมทั้งทำความรู้จักนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีจากแบรนด์ Mercedes-EQ อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวทั่วโลก โดยปรับกลยุทธ์จาก“รถยนต์ไฟฟ้านำ” (electric-first) เป็น “รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น” (electric-only) ภายในทศวรรษนี้ โดยสำหรับในประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ประกาศเปิดตัว “The new EQS” ยานยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายที่ผ่านมาและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าและผู้คนในอุตสาหกรรมยานยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้ประกาศความพร้อมในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ภายในประเทศไทย ทั้งหมดนี้คือการสานต่อความมุ่งมั่นระยะยาวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการขับเคลื่อนเทรนด์ e-mobility เพื่อร่วมสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ริเริ่มไว้ ทั้งการเปิดตัวโครงการ “Charge to Change” ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 พร้อมไปกับการนำเสนอ
นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่จะทยอยออกมาให้ผู้บริโภคทั้งในไทยและทั่วโลกได้เห็นนับจากนี้
ต่อยอดจากความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ PHEV ระดับลักชัวรีด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายในแต่ละเซกเมนต์สูงสุด
The new EQS 450+ AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 8,570,000 บาท และ
The new EQS 450+ Edition 1 วางจำหน่ายในราคา 8,870,000 บาท
ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “The new EQS” ได้ที่โชว์รูมของผู้จำหน่าย Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง และสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมียมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2563 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2.1 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 375,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม
ไม่มีความคิดเห็น