Breaking News

สลิงชอท กรุ๊ป ก้าวสู่ปีที่ 15 รุกธุรกิจใหม่ Leadership Wellness รายแรกในไทย ส่งโปรแกรมแรก LeadingWell เจาะผู้นำระดับสูง สร้าง Wellness Culture เพื่อธุรกิจยั่งยืน


บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด บริษัทที่ปรึกษาให้บริการด้านการพัฒนาผู้นำและการพัฒนาองค์กร ก้าวครบรอบ 15 ปี เผยความสำเร็จให้คำปรึกษาผู้นำมากว่า 100,500ราย รักษาความเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำในประเทศ เผยองค์กรทั่วโลกกำลังหันมาสร้าง Wellness Cultureจากข้อมูลจากฮาร์วาร์ดชี้ชัดองค์กรที่มีWellness Culture ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบทางธุรกิจ สบช่องเปิดธุรกิจใหม่ Leadership Wellness รายแรกของประเทศไทยตอบโจทย์ตลาด คลอดโปรแกรมแรกLeading Well, The Leadership Wellness มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่ยั่งยืนให้กับผู้นำ ทีมงาน และองค์กร ร่วมมือกับ Aro Ha Wellness Retreats ศูนย์ปรับวิธีคิดและวิธีการใช้ชีวิตแบบ Wellness ตามหลักงานวิจัยระดับโลกที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 ของ Luxurious Wellness Retreat Centers ของโลก ผู้ได้รับรางวัล “10 of the World’s Best Wellness Retreats 2019” การันตีด้วยรางวัลระดับนานาชาติรวม 17 รางวัล จับกลุ่มเป้าหมายผู้นำองค์กรระดับสูง ผู้บริหาร HR ระดับสูง เจ้าของธุรกิจ SMEs หวังเป็นผู้นำธุรกิจที่ปรึกษา Leadership Wellness ของไทย มั่นใจปีนี้สามารถเติบโตเพิ่มขึ้น 30%

ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด บริษัทที่ปรึกษาให้บริการด้านการพัฒนาผู้นำและการพัฒนาองค์กร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ในฐานะที่ปรึกษาและเป็นผู้ให้บริการด้านการพัฒนาผู้นำและพัฒนาองค์กรที่ดำเนินธุรกิจมาจนครบรอบ 15 ปีในปีนี้ โดยได้มีส่วนให้คำปรึกษาผู้นำองค์กรมามากกว่า 100,500 คน ให้สามารถก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงในแต่และยุคมาได้โดยในปีนี้ ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ Leadership Wellness ขึ้นเป็นรายแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นช่วยให้บริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 30%ในปีนี้ เนื่องจากพบว่าผู้นำในปัจจุบันหันมาใส่ใจตนเองตามเทรนด์สุขภาพ ซึ่งหากศึกษาตลาดสุขภาพในระดับโลกจะพบว่า เป็นธุรกิจที่โตเร็วกว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวม อย่างไรก็ดีสัดส่วนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ธุรกิจความงามและชะลอวัย (25%) ตามมาด้วยธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและลดน้ำหนัก (16%) ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (15%) ส่วนด้านสุขภาพของผู้นำและในที่ทำงานมีเพียง 1% เท่านั้น จึงถือเป็นตลาดใหม่ที่ สลิงชอท กรุ๊ป จะเข้าไปเจาะเพื่อให้ความรู้และสร้างการเติบโต

อย่างไรก็ดี ล่าสุดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ออกมาเปิดเผยว่า องค์กรใดให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและนำเรื่องสุขภาพมาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์และวัฒนธรรมองค์กร (Wellness Culture) ถือเป็นองค์กรที่อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบทางธุรกิจของโลกยุคนี้ ด้านองค์กรในภูมิภาคอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ได้ หันมาให้ความสำคัญกับประเด็นผู้นำและWellness Culture ด้วยเช่นกัน สถาบัน MDA Leadership Consulting ออกมาเผยผลงานวิจัยผนวกกับผลการพยากรณ์ของนักอนาคตศาสตร์พบว่า บทบาทใหม่ของผู้นำแห่งอนาคต คือการสร้างวัฒนธรรมสุขภาพ Wellness Culture ซึ่งจะกลายเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน หลักการสำคัญของการสร้าง Wellness Culture ให้ประสบผลสำเร็จ คือการสร้างต้นแบบที่ดีผ่านผู้นำ เพราะการที่ผู้นำมีสุขภาพดีจะช่วยให้สามารถดูแลสนับสนุนคนอื่นรอบตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้ดีขึ้นถึง 10 เท่า การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นสุขภาพ จึงเป็นเทรนด์ที่ผู้นำและองค์กรไม่ควรพลาด ทั้งนี้ การจะสร้างองค์กรที่มีสุขภาพดี ผู้นำต้องมีสุขภาพดีก่อนในฐานะต้นแบบ เพราะผู้นำที่แข็งแรงจะนำพาองค์กรให้แข็งแรง และเป็นกุญแจนำองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ สลิงชอท กรุ๊ป เปิดตัวธุรกิจใหม่ Leadership Wellness ขึ้น เพื่อมุ่งให้คำปรึกษาไปยังผู้นำระดับสูง ผู้เป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบาย และนำพาองค์กรก้าวเข้าสู่Wellness Culture โดยปัจจุบันหลายองค์กรกำลังประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ผู้นำยุคใหม่ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานจากงานวิจัยเกี่ยวกับผู้นำและความเครียดพบว่า

1. ผู้นำ 66% เชื่อว่าตนเองเครียดกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
2. ผู้นำ 88% บอกว่างานคือต้นเหตุแห่งความเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานในบทบาทผู้นำองค์กร
3. ผู้นำ 60% มองว่าองค์กรไม่ได้เตรียมเครื่องมือหรือวิธีการเพื่อช่วยเหลือการจัดการกับความเครียดในองค์กร
4. ผู้นำ 80% เชื่อว่าการมีโค้ช มีกลุ่มเพื่อนสามารถช่วยให้บริหารความเครียดและสร้างสุขภาพที่ดี

นางมัณฑนา รักษาชัด กรรมการผู้จัดการ กลุ่มกิจการธุรกิจหลัก บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลวิจัยของ Aro Ha Wellness Retreats ศูนย์ปรับวิธีคิดและวิธีการใช้ชีวิตตามหลักการ Wellness ชั้นนำระดับโลก ชี้ให้เห็นว่าผู้นำที่ผ่านการโค้ชชิ่งจากสถาบันใน 6 วันแรก การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดย 16% มีความเป็นอยู่และมีความสุขมากขึ้นหลังจากผ่านไป 1 เดือน ผลการศึกษายังพบว่าด้านการทำงาน 13% ของผู้เข้าร่วมโปรแกรมมีผลการทำงานที่ดีขึ้น ในด้านของสุขภาพทางร่างกาย พบมีพัฒนาที่ดีขึ้น 22.4% นอกจากนี้ งานวิจัยยังกล่าวถึงความเครียด ซึ่งอีกปัจจัยมีผลต่อ Wellness ซึ่งการเกิดความเครียดฉับพลันจะส่งผลต่อการตัดสินใจ โดยทำให้มีการใช้อารมณ์เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ มากกว่าการตัดสินใจบนพื้นฐานของเป้าหมายทางธุรกิจ อันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดทางธุรกิจจนเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา

จากข้อมูลในสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ที่พยายามสร้าง Wellness ด้วยตัวเองมีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 80% และผู้คนส่วนใหม่มองหาที่ปรึกษาช่วยโค้ชให้พวกเขาสามารถสร้าง Wellnessซึ่งโปรแกรมแรกที่ สลิงชอท กรุ๊ปเปิดตัวคือ Leading Well, The Leadership Wellness อยู่ภายใต้ธุรกิจใหม่ Leadership Wellness เป็นโปรแกรมการพัฒนาเปลี่ยนแปลงผู้บริหารให้สร้าง Wellness ตลอดระยะ 12 เดือน จุดเด่นของโปรแกรมคือการเน้นโค้ชผู้นำให้ก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่ทัศนคติและวิธีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนสามารถมี Wellnessได้ในระยะยาว รวมทั้งสามารถนำไปกำหนดนโยบายและใช้เป็นต้นแบบในสร้าง Wellness Culture ที่เข้มแข็งให้องค์กรต่อไป ครอบคลุม Wellness ทั้งหมด 6 ด้าน เพราะ Wellnessมากกว่าแค่มีสุขภาพทางกายที่ดี ได้แก่ 1.Emotional Wellness หรือ Wellness ด้านอารมณ์ 2. Physical Wellness หรือ Wellness ด้านร่างกายและสุขภาพ 3. Spiritual Wellness หรือ Wellness ด้านจิตใจ 4. Intellectual Wellness หรือ Wellness ด้านสติปัญญา 5. Social Wellness หรือ Wellness ด้านสังคม และ 6. Environmental Wellness หรือWellness ด้านสิ่งแวดล้อม จุดเด่นคือเน้นการสร้าง Wellness Culture ให้องค์กรผ่านผู้นำ เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้เน้นที่การเปลี่ยนพฤติกรรมที่ยั่งยืน เราให้สูตรการเปลี่ยนแปลงกับผู้นำ และพาผู้นำผ่านประสบการณ์ตรง ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง นางมัณฑนา อธิบาย


ทั้งนี้ ผู้นำที่มี Wellness จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความต่อเนื่องในการทำงาน 2 ด้านได้แก่ 1. เพิ่มประสิทธิภาพผลการดำเนินงานขององค์กรจากผลการทำงานที่ดีขึ้น 2. ในด้าน Business Continuity หรือการดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง ด้วยสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจ (Business Risks) ไม่ว่าจะที่เกิดจากการที่ผู้นำเจ็บป่วย หรือแม้กระทั้งการถึงการเสียชีวิตจากการความเครียดและปัญหาสุขภาพ ข้อมูลจาก London Business School พบกว่าจากการติดตามผลการดำเนินงานตลอด 25 ปีของบริษัทชั้นนำในอเมริกาที่ถูกระบุว่าเป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด มีมูลค่าหุ้นสูงกว่าบริษัททั่วไปถึง 50%

โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นไปยังผู้นำองค์กรที่มีนโยบายสร้าง Wellness Culture ให้เป็นส่วนหนึ่งเป็นองค์กร เช่น ผู้นำองค์กรระดับสูง ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ เจ้าของธุรกิจ SME เจ้าของที่ต้องการเกษียณแต่ทายาทยังไม่พร้อมรับช่วงต่อจึงพร้อมพัฒนาด้าน Wellness เพื่อดูแลตัวเองเพื่อสามารถบริหารธุรกิจต่อไปก่อน และกลุ่มผู้บริหารที่เคยอยู่ในหลักสูตร Executive Coaching โดยตั้งเป้ามีผู้บริการระดับสูงเข้าร่วมโปรแกรมจำนวน 100 คน ภายในปี 2020

ไม่มีความคิดเห็น