ศน. ร่วมกับจังหวัดอุบลราชธานีจัดบรรพชาสามเณรและบวชศีลจาริณี เฉลิมพระเกียรติกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน
วันที่ 1 เมษายน 2566 เวลา 13.39 น. พระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบรรพชาสามเณรและบวชศีลจาริณี ภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมและความเป็นไทย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน โดยมี นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นางปรียา แก้วบำรุง วัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในจังหวัดอุบลราชธานี ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ผู้ปกครองและพุทธศาสนิกชน รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 159 คน เเบ่งเป็น เยาวชนชาย จำนวน 129 คน เยาวชนหญิง จำนวน 30 คน ณ ศาลาปฏิบัติธรรม 80 ปี สารทมหาเถระ วัดพิชโสภาราม อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา (อศน.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและหน่วยงานภาคเครือข่ายในพื้นที่ร่วมดำเนินการโครงการดังกล่าวทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ มีเด็กเเละเยาวชนเข้าร่วมโครงการกว่า 10,000 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันเป็นการทำความดีผ่านกิจกรรมการบรรพชาสามเณรและบวชศีลจาริณีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีและผู้มีอุปการะคุณอีกด้วย เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการศึกษาอบรมจากพระธรรมวิทยากร ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิชาธรรมวินัยพุทธประวัติ เทศนา ศาสนพิธี และภาวนา โดยใช้หลักสูตรพุทธศาสนศึกษาสำหรับผู้บวชระยะสั้น 15 วัน ตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 49/2561 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561
ซึ่งการบวชถือได้ว่าเป็นการช่วยให้เกิดการสร้างศาสนทายาทในบวรพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูและสืบสานประเพณีการบวชให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมซึ่งภายหลังการบวช เด็กและเยาวชนจะได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่ศึกษาระหว่างบวชไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ช่วยให้เกิดค่านิยมทำความดี มีคุณธรรมจริยธรรม มีวินัย มีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความกตัญญู ส่งผลให้มีจิตใจที่เข้มแข็งเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพ
นายชัยพล สุขเอี่ยม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ร่วมปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เพื่อน้อมถวายพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ตามโครงการ “หนึ่งใจ...ให้ธรรมะ” ณ ศาลาปฏิบัติธรรม 80 ปี สารทมหาเถระ วัดพิชโสภาราม อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
สืบเนื่องด้วย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานต้นพระศรีมหาโพธิ์ แก่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2564 ณ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้ได้ขยายพันธุ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็น 1 ใน 4 สังเวชนียสถานสำคัญ เพื่อนำไปปลูกเพื่อน้อมถวายเป็นพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตามโครงการ “หนึ่งใจ...ให้ธรรมะ” เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566
ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้มอบหมายให้กรมการศาสนาดำเนินการมอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้แก่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 ต้น เพื่อนำไปปลูกเพื่อน้อมถวายพระกุศล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทั่วทุกภูมิภาคจะได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น