“JCB” ปรับเกมสู้วิกฤตโควิด -19 ลุยตลาดออนไลน์ ดันตลาดผู้ใช้รายใหม่สูงสุด ด้านหมวด Food delivery โตทะลุ 400%
บัตรเครดิต JCB มีการปรับทัพดึง มร.เรียว โมริตะเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ดูแลประเทศไทยเมื่อ 1 เมษายนที่ผ่านมา ปรับกลยุทธ์แก้เกมวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมเผยถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของภาพรวมตลาดบัตรเครดิต ส่งผลให้ JCB ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ บุกตลาดช้อปปิ้งออนไลน์และฟู้ดเดลิเวอรี่แทน ย้ำเป้าหมายการเติบโตในประเทศไทย กระตุ้นให้มีบัตรในตลาดเพิ่มขึ้นอีก 15% ภายในปี 2563
“คุณเรียว โมริตะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตครึ่งปีแรก 2563 คาดว่ายอดใช้จ่ายโดยรวมจะหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยเฉพาะในหมวดที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันมองว่าพฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลง คือ
- ผู้บริโภคใช้เงินสดน้อยลง
- ให้ความสนใจกับระบบชำระเงินแบบลดการสัมผัส (Touchless/Contactless) มากขึ้น
- ใช้ระบบ QR ในการจ่ายเงินแทนการยื่นการ์ด
จากการเกิดวิกฤติโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก เราได้เห็นว่าคนอยู่บ้านกันเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาพรวมการใช้จ่ายในบางกลุ่มธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าสนใจ เช่น ตลาดอีคอมเมิร์ซและกลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 100% ทาง JCB จึงมีการปรับแผนเพื่อออกมารองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในส่วนนี้”
ด้าน “คุณนพดล คูห์วัฒนศิลป์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้ JCB เอง เราเลยหันมาทำแคมเปญที่เกี่ยวกับฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้น คือให้ส่วนลดหรือแคชแบ็คกับทางลูกค้าเป็นหลัก เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าในช่วงที่ยากลำบากนี้ อีกทั้งยังเป็นการจูงใจให้ลูกค้าใช้ฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้น”
สิทธิพิเศษที่ลูกค้าบัตร JCB จะได้รับตอนนี้คือ Grab Food ลูกค้าสั่งซื้อ 300 บาท ได้รับสิทธิพิเศษส่วนลด 80 บาท ของ LINE MAN จะเป็นการสะสมยอดเมื่อลูกค้าใช้ในหนึ่งรอบเดือนเกิน 500 บาท จะได้แคชแบ็คหรือเงินเข้ากระเป๋า 100 บาท ส่งผลให้ยอดขายหมวดฟู้ดเดลิเวอรี่ของเราโตสูงกว่า 400% และจำนวนผู้ใช้รายใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเทียบเท่า 300% เมื่อเทียบกับตัวเลขก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19
ส่วนเรื่องของออนไลน์ช้อปปิ้งเรามีทั้ง Lazada กับ Shopee ที่เป็นพาร์ทเนอร์โดยตรง ซึ่งของ Lazada เรามีแพลตตินั่มเซอร์วิสอยู่แล้ว ทุกวันพุธ เมื่อซื้อครบ 1,800 บาทขึ้นไป ได้ส่วนลด 12% ส่วนของ Shopee เราร่วมกันในลักษณะของบิ๊กแคมเปญเช่นกัน ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสูงมากถึง 9 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายปกติในช่วงของวันที่จัดโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนอีวอลเล็ททั่วไปยังมี Dolfin E-Wallet ของกลุ่มเซ็นทรัลซึ่งตอนนี้เราทำมารอบที่ 2 แล้วครับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา คือถ้าใช้จ่ายครั้งละ 300 บาทขึ้นไป ก็จะได้ Dolfin Bonus กลับคืน 50 บาท โดยในครั้งนี้ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้เมื่อใช้ช้อปปิ้งออนไลน์กับ JD Central อีกด้วยครับ”
“สำหรับสถานการณ์โควิด19 ทางเราประเมินไว้ว่าอีกประมาณ 1 ปี ที่คนจะกลับมาใช้จ่ายเหมือนเดิม หลังจากนี้ JCB ต้องดูสถานการณ์หากดีขึ้น เราคงต้องกลับไปทบทวนแผนการตลาด สำหรับการใช้จ่ายด้านออฟไลน์ เพื่อช่วยเหลือหน้าร้านมากขึ้น ส่วนเป้าหมายในปีนี้ เราตั้งเป้าอยากให้บัตร JCB ในตลาดประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 15%” คุณเรียว โมริตะ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ยังสามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ของทาง JCB เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ภาษาไทย http://www.th.jcb/th โปรโมชั่นต่างประเทศ http://www.specialoffers.jcb/th/
หรือติดตามทาง Facebook: JCB Thailand สำหรับการสมัครบัตรเครดิต JCB สามารถติดต่อวันนี้ได้ที่ บริษัทบัตรกรุงศรี บริษัทบัตรกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ บมจ. อิออน และ ธนาคารกสิกรไทย
สิทธิพิเศษที่ลูกค้าบัตร JCB จะได้รับตอนนี้คือ Grab Food ลูกค้าสั่งซื้อ 300 บาท ได้รับสิทธิพิเศษส่วนลด 80 บาท ของ LINE MAN จะเป็นการสะสมยอดเมื่อลูกค้าใช้ในหนึ่งรอบเดือนเกิน 500 บาท จะได้แคชแบ็คหรือเงินเข้ากระเป๋า 100 บาท ส่งผลให้ยอดขายหมวดฟู้ดเดลิเวอรี่ของเราโตสูงกว่า 400% และจำนวนผู้ใช้รายใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเทียบเท่า 300% เมื่อเทียบกับตัวเลขก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19
ส่วนเรื่องของออนไลน์ช้อปปิ้งเรามีทั้ง Lazada กับ Shopee ที่เป็นพาร์ทเนอร์โดยตรง ซึ่งของ Lazada เรามีแพลตตินั่มเซอร์วิสอยู่แล้ว ทุกวันพุธ เมื่อซื้อครบ 1,800 บาทขึ้นไป ได้ส่วนลด 12% ส่วนของ Shopee เราร่วมกันในลักษณะของบิ๊กแคมเปญเช่นกัน ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสูงมากถึง 9 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายปกติในช่วงของวันที่จัดโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนอีวอลเล็ททั่วไปยังมี Dolfin E-Wallet ของกลุ่มเซ็นทรัลซึ่งตอนนี้เราทำมารอบที่ 2 แล้วครับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา คือถ้าใช้จ่ายครั้งละ 300 บาทขึ้นไป ก็จะได้ Dolfin Bonus กลับคืน 50 บาท โดยในครั้งนี้ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้เมื่อใช้ช้อปปิ้งออนไลน์กับ JD Central อีกด้วยครับ”
“สำหรับสถานการณ์โควิด19 ทางเราประเมินไว้ว่าอีกประมาณ 1 ปี ที่คนจะกลับมาใช้จ่ายเหมือนเดิม หลังจากนี้ JCB ต้องดูสถานการณ์หากดีขึ้น เราคงต้องกลับไปทบทวนแผนการตลาด สำหรับการใช้จ่ายด้านออฟไลน์ เพื่อช่วยเหลือหน้าร้านมากขึ้น ส่วนเป้าหมายในปีนี้ เราตั้งเป้าอยากให้บัตร JCB ในตลาดประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 15%” คุณเรียว โมริตะ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ยังสามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ของทาง JCB เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ภาษาไทย http://www.th.jcb/th โปรโมชั่นต่างประเทศ http://www.specialoffers.jcb/th/
หรือติดตามทาง Facebook: JCB Thailand สำหรับการสมัครบัตรเครดิต JCB สามารถติดต่อวันนี้ได้ที่ บริษัทบัตรกรุงศรี บริษัทบัตรกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ บมจ. อิออน และ ธนาคารกสิกรไทย
ข้อมูลยอดการใช้บัตรเครดิต JCB เปรียบเทียบระหว่างช่วงเวลา
ก่อนวิกฤติ Covid-19 คือ อันดับ 1 กลุ่ม Dining, อันดับ 2 กลุ่ม Shopping, อันดับ 3 กลุ่มท่องเที่ยว
ปัจจุบัน คือ อันดับ 1 กลุ่ม Online shopping, อันดับ 2 กลุ่ม Supermarket, อันดับ 3 กลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี่
ก่อนวิกฤติ Covid-19 คือ อันดับ 1 กลุ่ม Dining, อันดับ 2 กลุ่ม Shopping, อันดับ 3 กลุ่มท่องเที่ยว
ปัจจุบัน คือ อันดับ 1 กลุ่ม Online shopping, อันดับ 2 กลุ่ม Supermarket, อันดับ 3 กลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี่
ไม่มีความคิดเห็น