เสียวหมี่หวนคืนบัลลังก์กลับเข้าสู่ท็อป 50 สุดยอดบริษัทนวัตกรรมระดับโลก
ล่าสุด รั้งอันดับที่ 24 จากการถูกยอมรับในความทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมที่สามารถทลายขีดจำกัดในด้านต่างๆ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ที่เสียวหมี่ติดการจัดอันดับนี้ หลังจากเคยครองอันดับที่ 35 ในปี 2557 และ 2559 มาแล้ว
ตามรายงานของ BCG ในหัวข้อ “สุดยอดบริษัทนวัตกรรมแห่งปี 2563: การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง” ระบุว่าด้วยการทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมข้ามอุตสาหกรรมของเสียวหมี่มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับมาด้วยการใช้คะแนนวัดแบบใหม่ที่ตรวจจับความหลากหลายและความเข้มข้นของการทลายขีดจำกัดด้านต่างๆ
“จากรายงานดังกล่าวเผยให้เห็นว่า ขณะนี้ทุกภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่โลกของอุตสาหกรรมนวัตกรรมเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นการทลายขีดจำกัดเหล่านี้คือการยกระดับขีดความสามารถของนวัตกรรมให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง”
มร. โชว จือ ชิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระหว่างประเทศของเสียวหมี่ กล่าวอีกว่า “ผลลัพธ์จากรายงานนี้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทเราที่มุ่งเน้นให้ทุกคนบนโลกเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีนวัตกกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในหมี่แฟนและผู้ใช้งานของเราในกว่า 90 ตลาดทั่วโลกที่เราได้วางขายสินค้า”
“ภายในบริษัทเสียวหมี่เอง เราก็มุ่งสนับสนุนวัฒนธรรมการพัฒนานวัตกรรมให้แข็งแกร่งเพื่อพลักดันให้เกิดเทคโนโลยีที่สามารถส่งมอบให้กับผู้คน ด้วยจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมนี้ ได้แพร่กระจายไปทั่วบริษัทของเราและเป็นเครื่องนำทางให้เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สุดล้ำอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ทลายกำแพงของเทคโนโลยีนวัตกรรม” มร. โชว กล่าวเสริม
บริษัทมุ่งมั่นว่าจะใช้เงินลงทุนอย่างน้อย 5 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในอีกห้าปีข้างหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้าน “5G+AIoT” เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน “5G+AI+IoT” (5G+AIoT) ไปพร้อมกับรองรับอินเทอร์เน็ตเจเนอเรชั่นใหม่ และสร้างความมั่นใจว่าบริษัทจะผู้นำในยุคอัจฉริยะใหม่นี้
เสียวหมี่ยังคงเดินหน้าเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 การลงทุนของบริษัทในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงถึง 7.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 29.7% หากเทียบปีต่อปีของการขยายการลงทุนจำนวนมหาศาลด้านการวิจัยและพัฒนาในตลอดสามปีที่ผ่านมา ในปี 2563 คาดว่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านหยวน ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 พนักงาน R&D มีจำนวนมากถึงถึง 8,984 ราย กระจายตัวอยู่ในหลายฝ่าย คิดเป็น 48.6% ของพนักงานประจำทั้งหมด
สำหรับจำนวนสิทธิบัตรของเสียวหมี่นั้นครอบคลุมในหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน อุปกรณ์อัจฉริยะ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต การผลิตและการออกแบบ ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทมีสิทธิบัตรมากกว่า 14,000 ฉบับ และมีการยื่นขอสิทธิบัตรอีกกว่า 16,000 รายการทั่วโลก ในจำนวนสิทธิบัตรที่ได้จดแล้ว กว่า 6,500 สิทธิบัตรนั้นถูกจดทะเบียนในหลากหลายประเทศและเขตอำนาจเหนืออาณาเขต
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สามที่เสียวหมี่ติดการจัดอันดับนี้ เสียวหมี่เคยติดอันดับที่ 35 ถึงสองครั้งในกลุ่มสุดยอด 50 บริษัทนวัตกรรมประจำปี 2557 และ 2559 มาแล้ว
เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK.) เสียวหมี่ บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT
เสียวหมี่ให้ความสำคัญทั้งด้านนวัตกรรมและคุณภาพ มุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดรวมไปถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เสียวหมี่ ไม่ลดละสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจในราคาเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม
ปัจจุบัน เสียวหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 252 ล้านผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 90 ประเทศ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นๆ ในตลาดสำคัญต่างๆ
ในเดือนกรกฎาคม 2019 เสียวหมี่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2019 ของนิตยสารฟอร์จูนเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 468 และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปี 2019 ในเดือนพฤษภาคม 2020 เสียวหมี่ก็ยังคงได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Forbes Global 2000” คราวนี้ได้เป็นอันดับที่ 384 ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ http://blog.mi.com/en
ไม่มีความคิดเห็น