Breaking News

"โรยัล คานิน" เตรียมขึ้นแท่นอันดับ 1 ครบทั้งผู้นำตลาดอาหารสุนัขและแมว กลุ่ม Specialty Trade Channel ในปีหน้า


"โรยัล คานิน" ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสำหรับสุนัขและแมวจากฝรั่งเศส พร้อมขึ้นแท่นผู้นำตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีครบทั้งสุนัขและแมว กลุ่ม Specialty Trade Channel ในไทยในปีหน้า เผยตลาดในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี จากความต้องการของผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จึงเดินหน้าให้ความรู้ทางด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว พร้อมพัฒนาไปกับพันธมิตรทางธุรกิจ เผยมุ่งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 12%



นายสัตวแพทย์ จดล สุวรรณฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้แบรนด์ "โรยัล คานิน" (ROYAL CANIN) จากประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ในอดีตพฤติกรรมคนไทยเลี้ยงสัตว์เลี้ยง คือ สุนัขและแมว เพื่อเฝ้าบ้านหรือเพื่อจับหนู แต่ปัจจุบันพฤติกรรมคนรักสัตว์เลี้ยงได้เปลี่ยนไป กล่าวคือ เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อน ให้ความรัก ความเอาใจใส่ เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองการเลี้ยงดูสุนัขและแมวอย่างถูกสุขลักษณะและมีสุขภาพที่ดี โภชนาการจึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทฯ เน้นให้ความรู้แก่คนรักสุนัขและแมวผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางคลินิกสัตวแพทย์ ผู้เพาะพันธุ์ ร้านจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว รวมถึงช่องทางออนไลน์ และล่าสุด บริษัทฯ ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น “Royal Canin Club” ซึ่งจะช่วยทำให้เจ้าของสุนัขและแมวดูแลพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความรู้ที่ตรงกับแมวและสุนัข ตามช่วงอายุ สายพันธุ์ และความต้องการที่แตกต่างกัน จากนักโภชนาการและสัตวแพทย์ ผู้รู้จริงเรื่องสุขภาพและโภชนาการของแมวและสุนัข ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนเป็นครอบครัว โรยัล คานิน จะได้รับ กิ๊ฟเซ็ตอาหารทดลอง และคูปองส่วนลด สำหรับสมาชิกใหม่ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การสะสมแต้ม แลกของรางวัล สินค้าหรือบริการ เป็นต้น

นายสัตวแพทย์ จดล กล่าวถึง ภาพรวมตลาดอาหารสุนัขและแมวในปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านบาท โดยมีผู้ผลิตและผู้นำเข้ามากกว่า 30 แบรนด์ ซึ่งสามารถแยกตามช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวเป็น Grocery and Modern trade channel (Convenience store, Supermarket) ในสัดส่วน 40% โดยปีที่แล้วมีอัตราการเจริญเติบโตที่ 1.2% และ Specialty Trade Channel (ร้านจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว คลินิกสัตวแพทย์ และผู้เพาะพันธุ์) ในสัดส่วน 60% โดยปีที่แล้วมีอัตราการเจริญเติบโตที่ 7.3% โดย Royal Canin มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับที่ 3 ในตลาดรวม แต่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับที่ 2 ในช่องทาง Specialty Trade Channel และคาดว่าจะครองอันดับ 1 ในช่องทาง Specialty Trade ในปีหน้า โดยมีปัจจัยมาจาก อัตราการเติบโตของตลาดอาหารสุนัขและแมวที่จะเพิ่มมากขึ้นตามการเติบโตของจำนวนสุนัขและแมวที่คนนิยมเลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว คาดว่าในปีนี้ถึงปีหน้า ตลาดอาหารสุนัขและแมวจะเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5% โดยตลาดอาหารแมวมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่าอาหารสุนัข โดยปัจจุบัน ประเทศไทยมีจำนวนสุนัขและแมวที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวรวมมากกว่า 12 ล้านตัว แบ่งเป็นสุนัข 8 ล้านตัว และแมว 4 ล้านตัว

สำหรับยอดรายได้รวมของบริษัทฯ ในปีนี้ คาดว่าจะเป็นตามเป้าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 12% จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้ 1,800 ล้านบาท จึงเตรียมแผนในการขยายตลาดกลุ่มโภชนาการเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยการสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้เลี้ยง รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายจากเดิมจำหน่ายผ่านร้านจำหน่ายอาหารและผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง 70% คลินิกสัตวแพทย์ 25% ผู้เพาะพันธุ์ 3% ปลายปีที่ผ่านมาเริ่มจำหน่ายผ่าน E-Commerce 2% เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขวางครอบคลุมยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ "โรยัล คานิน" ยังคงให้ความสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เลี้ยงผ่านกิจกรรมทางการตลาดและช่องทางการขายที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้เลี้ยง ด้วยการเข้าร่วมงาน Pet Expo 2019 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 2 มิถุนายนนี้ ณ ศูนย์การแสดงสินค้านานาชาติไบเทค โดยในปีนี้ บริษัทฯ จะร่วมแสดงบูธภายใต้แนวคิด “Take Your Pet to the Vet” เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงมารับบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น โดย โรยัล คานิน จัดคลินิกสัตวแพทย์จำลองที่มีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยินดีให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตลอดจนให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่เหมาะสม และมีอาหารแมวและสุนัขของ โรยัล คานิน มากกว่า 200 สูตร จำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมของแถมแบบ limited edition ด้วย

โรยัล คานิน ประเทศฝรั่งเศส ทำธุรกิจมาแล้วกว่า 50 ปี โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2511 โดย เมอร์ซิเออร์ ฌอง คาทาเร่ สัตวแพทย์ชาวฝรั่งเศส ที่ตระหนักถึงความสำคัญของโภชนาการที่ส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ก่อนที่จะเริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2548 โดยเน้นจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่นๆ คือ ความต้องการให้สุนัขและแมวทุกตัวบนโลกนี้สามารถเข้าถึงโภชนาการที่ดีที่สุดตั้งแต่มื้อแรกจนถึงมื้อสุดท้ายของชีวิตและให้ความสำคัญใน 2 ประเด็นหลักคือ 1.ความรู้คู่ความรัก ซึ่งมีการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมตามธรรมชาติของสุนัขและแมวก่อนที่จะคิดค้นสูตรอาหาร 2.สุนัขและแมวเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นพัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมที่สุดตามธรรมชาติของสุนัขและแมว โดยมีทีมวิจัยและพัฒนา รวมถึงนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ซึ่งพิสูจน์โดยสุนัขและแมว ตลอดจนมีการควบคุมมาตรฐานการผลิตในทุกมุมโลก

ไม่มีความคิดเห็น