‘VERTU’ ปลุกตำนานสมาร์ตโฟนลักซ์ชัวรี่สุดล้ำ รองรับระบบ Blockchain และ Web3! พร้อมแต่งตั้ง วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือของ วีเอสที อีซีเอส กรุ๊ป ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ร่วมมือกับทาง ยืมมั้ย (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชียของ Gold Elite Paris (โกลด์ อีลิท ปารีส) นำเข้าสมาร์ตโฟนซูเปอร์ไฮเอนด์ที่ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี สร้างความฮือฮาให้กับเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2559 สร้างปรากฎการณ์เขย่าตลาดลักซ์ชัวรี่อีกครั้ง ประกาศนำเข้า ‘VERTU’ (เวอร์ทู) สมาร์ตโฟนสุดหรูสัญชาติอังกฤษกลับมาสู่ไทยอีกครั้ง โดยแต่งตั้งให้ วีเอสที อีซีเอส เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเจ้าเดียวในประเทศไทย จัดเป็นสมาร์ตโฟนสุดไฮเทคที่มีเทคโนโลยีรองรับระบบ Blockchain และ WEB3 รุ่นแรกในโลก ผสานความงามที่ประณีตและพิถีพิถัน รวมถึงการบริการและสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความที่ VERTU เชื่อมั่นและเล็งเห็นถึงศักยภาพ รวมถึงความพร้อมด้านช่องทางการจัดจำหน่ายของ วีเอสที อีซีเอส จึงแต่งตั้งให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายหนึ่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญยิ่งในการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจของบริษัท เพื่อเปิดกลุ่มตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ด้านลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์ เรามองว่าตลาดโทรศัพท์มือถือในกลุ่มลักซ์ชัวรี่เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีแนวโน้มที่จะเติบโตไปได้อีกมาก VERTU ถือเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องของความหรูหรา และนวัตกรรมเทคโนโลยีคุณภาพสูง เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการทางเลือกที่เหนือกว่าเดิมในตลาดได้เป็นอย่างดี และการที่เราได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท ยืมมั้ย (ประเทศไทย) เราเชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ รวมถึงการมีฐานข้อมูลการตลาด niche market ที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ในการทำตลาดระดับไฮเอนด์ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการยกระดับนิยามใหม่ของโทรศัพท์มือถือลักซ์ชัวรี่ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านจัดจำหน่ายสินค้าไอทีและโซลูชันชั้นนำของวีเอสที อีซีเอส”
ด้านนายสุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “VERTU เป็นมากกว่าโทรศัพท์มือถือ แต่ยังเป็นศูนย์รวมของเทคโนโลยีล้ำสมัยและงานฝีมือชั้นเลิศใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เราภูมิใจที่ได้นำ VERTU กลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง โดยมุ่งหวังที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโทรศัพท์มือถือ ตอบโจทย์ตลาดระดับไฮเอนด์ได้อย่างลงตัว โดยผู้บริโภคในกลุ่มนี้ยังคงมองหาสินค้าที่แตกต่างเพื่อแสดงตัวตนของตนเอง จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง และการกลับมาในครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ วีเอสที อีซีเอส ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตแต่เพียงผู้เดียว ด้วยศักยภาพของ วีเอสที อีซีเอส ที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายในไทยทั่วทุกภาคกว่า 6,000 ราย และในเอเชียแปซิฟิกกว่า 48,000 ราย รวมถึงการมีพันธมิตรด้านไอทีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 70 แบรนด์ คาดว่าจะสร้างปรากฏการณ์การตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มอีลีทของเมืองไทยได้อย่างแน่นอน โดยจะประเดิม 3 โปรดักต์เด่นของแบรนด์ ได้แก่ METAVERTU I 5G WEB3 PHONE, SIGNATURE V และ METAWATCH H1 ราคาเริ่มต้น 99,000 – 699,000 บาท เตรียมวางจำหน่ายผ่าน KING POWER พร้อมวางแผนจัดแคมเปญไลฟ์สไตล์และอภิสิทธิ์เอ็กซ์เหนือระดับมากมาย สร้างคอมมิวนิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ครอบครองอย่างแท้จริง”
VERTU ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหราชอาณาจักร โดยได้รับการกล่าวถึงจากทั่วโลกสำหรับความหรูหราในราคาระดับอัล ตร้าลักซ์ชัวรี่ และการผสานเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ากับดีไซน์ที่เป็นเลิศ คุณภาพแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ชูจุดเด่นด้าน Blockchain Technology (บล็อกเชน) และ Web3 ก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว โดยมีแอปพลิเคชันและฟีเจอร์สำคัญอย่าง
- Metaspace รวมโลกของ Cryptocurrency Web3 NFT และการเข้าถึงโลกดิจิทัลอื่น ๆ อีกมากมายไว้ในแอปพลิเคชันเดียว
- Value กระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัวเชื่อมต่อกับ Web3 ได้อย่างง่ายดาย
- Vshot เปลี่ยนรูปภาพของคุณให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล NFT
- VTalk แอปพลิเคชันสนทนาส่วนตัวที่มีระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด
- Vbox แหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลแบบไร้ศูนย์กลางด้วยความจุกว่า 10T
- Dappstore ศูนย์รวมแพลตฟอร์มไร้ตัวกลางทางด้าน Cryptocurrency
- VERTU Life พริวิลเลจส่วนตัวสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ VERTU พร้อมผู้ช่วยส่วนตัว นอกจากนี้วัสดุยังถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต อาทิ ไทเทเนียม คริสตัลแซฟไฟร์ และหนังเกรดพรีเมี่ยมอันเลอค่า อุปกรณ์แต่ละชิ้นได้รับการประดิษฐ์ขึ้นด้วยมืออย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ ทำให้มั่นใจได้ว่า โทรศัพท์ VERTU ทุกเครื่องจะมอบประสบการณ์ที่หรูหราและซับซ้อนไม่ซ้ำใคร การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ VERTU THAILAND ประเดิมด้วยโปรดักต์ 3 รุ่นที่โดดเด่นและแตกต่างของแบรนด์สู่ตลาดประเทศไทย ได้แก่
METAVERTU I 5G Web3 Phone 12+512GB (ราคา 139,000 บาท) สมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับระบบ WEB3 และ BLOCKCHAIN ผนวกความหรูหราและเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน มาพร้อมสเปกขั้นเทพด้วย Dual Chip Snapdragon 8 Gen 1 หน่วยความจำ 12+512GB เมื่อเปลี่ยนเป็นระบบ WEB3 จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ IPFS Decentralized Storage สูงถึง 10TB มี Digital Wallet ส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับ WEB3 ได้อย่างอิสระ มาคู่กับฟีเจอร์ถ่ายรูป Vshot Blockchain Camera ที่สามารถสร้างภาพถ่ายให้กลายเป็นสินทรัพย์ NFT ได้ภายในคลิกเดียว จอแสดงผล AMOLED 144Hz ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมกับกล้องหลังเซ็นเซอร์ Sony IMX787 ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล อีกทั้งชิปรักษาความปลอดภัยการเข้ารหัสระดับสูงสุด และเซ็นเซอร์สัญญาณเตือนภัยเพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมี Butler หรือผู้ช่วยส่วนตัวคอยอำนวยความสะดวกผ่านโทรศัพท์ METAVERTU I 5G WEB3 PHONE ไม่ว่าจะเป็นการจองโรงแรม ร้านอาหาร ตั๋วเครื่องบิน ครบจบง่ายกับ Butler ส่วนตัวที่อำนวยความสะดวกตลอดระยะเวลา 1 ปี และวัสดุภายนอกหรูหราสง่างามด้วยหนังลูกวัวอิตาลี หนังจระเข้ คาร์บอนไฟเบอร์ และจอแซฟไฟร์
SIGNATURE V ความจุ 2G+16GB (ราคา 699,000 บาท) โทรศัพท์รุ่นปุ่มกดซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของ VERTU โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก สร้างเอกลักษณ์ให้กับผู้ครอบครอง ด้วยฟีเจอร์ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ปราศจากฟังก์ชันบันทึกเสียงและกล้อง กิมมิกเสียงเรียกเข้าด้วยเพลงคลาสสิกที่บรรเลงโดยวงออเคสตราแห่งลอนดอน และเพิ่มความเอ็กซ์คลูซีฟเหนือชั้นกับบริการอำนวยความสะดวกส่วนบุคคลด้วย ‘ปุ่มทับทิม’ ด้านข้างเพียงคลิกเดียว งานคราฟต์ทำมือที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยมาตรฐานสูงสุดแห่งความเป็นเลิศ และวัสดุที่หายากที่สุดในโลก ตอบโจทย์ปรัชญาความลักซ์ชัวรี่ที่แท้จริง
METAWATCH H1 (ราคา 99,000 บาท) สมาร์ตวอทช์ที่หรูหราที่สุดในโลก เปิดตัวขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ประดิษฐ์ขึ้นด้วยมืออย่างพิถีพิถันจากวัสดุระดับพรีเมี่ยม หน้าจอ 1.85 นิ้ว ความละเอียด 320*386 พิกเซล รองรับการวัดค่าออกซิเจนในเม็ดเลือดและอัตราการเต้นของหัวใจอย่างเรียลไทม์ มาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบอย่างประณีต พัฒนาอย่างเข้มงวด และสร้างสรรค์อย่างเชี่ยวชาญ เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานที่ดีที่สุด ส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและแน่วแน่ดุจดั่งกาลเวลา
ผู้เป็นเจ้าของ VERTU ยังจะได้รับสิทธิพิเศษและบริการส่วนบุคคลที่เหนือชั้น ที่ทำให้ VERTU แตกต่างและเป็นมากกว่าโทรศัพท์มือถือ แต่เป็นทางเลือกไลฟ์สไตล์ที่รับประกันประสบการณ์พิเศษและเป็นส่วนตัวสำหรับเจ้าของอย่างแท้จริง และในอนาคต VERTU Thailand ยังมีแผนนำสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมวางจำหน่ายแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VERTUTHAILAND ได้ที่ www.vertuthailand.com, เฟซบุ๊ก: VERTU THAILAND, อินสตาแกรม: vertu.thailand, ทวิตเตอร์ (เอ็กซ์): @vertuthofficial, โทร 089 479 9999
เกี่ยวกับ ยืมมั้ย (ประเทศไทย)
“ยืมมั้ย” (Yuemmai) เป็นบริษัทแถวหน้าของประเทศไทย ด้านค้าปลีกและส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม การเงินดิจิทัล และเทคโนโลยี เติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ภายใต้ร่มของ “ยืมมั้ย โฮลดิ้ง” บนโมเดลธุรกิจแบบ Ecosystem ได้รวบรวมสินค้าและบริการที่ครบวงจร ตอบโจทย์การขับเคลื่อนของโลกยุคใหม่ และความยั่งยืนในอนาคต ได้แก่ เครดิตรซิม, ยืมมั้ย Finance, ยืมมั้ย Digital, ยืมมั้ย Online รวมทั้งยังเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชียของ Gold Elite Paris (โกลด์ อีลิท ปารีส) สมาร์ตโฟนซูเปอร์ไฮเอนด์ และมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ รวมถึงการมีฐานข้อมูลการตลาด Niche Market ที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ในการทำตลาดระดับไฮเอนด์อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
เกี่ยวกับ วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย)
บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด (เดิมชื่อบริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 ปัจจุบันเป็นบริษัทหนึ่งในเครือของวีเอสที อีซีเอสกรุ๊ป ประเทศฮ่องกง ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 48,000 รายกระจายอยู่ในประเทศจีน, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, เมียนมาร์ และลาว
วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าด้านไอทีผ่านทางธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก คือ คอนซูเมอร์, คอมเมอร์เชียล, โซลูชัน และดีไวซ์แอนด์ไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 70 แบรนด์ มีสำนักงานสาขาที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายน 2557 ในชื่อบริษัท วีเอสที อีซีเอส (เมียนมาร์) จำกัด และที่ราชอาณาจักรกัมพูชา เปิดดำเนินการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ในชื่อบริษัท วีเอสที อีซีเอส (กัมพูชา) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านเอนเตอร์ไพรส์ซิสเตมส์โดยเฉพาะ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) ได้ที่ www.vstecs.co.th
ไม่มีความคิดเห็น